ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสนใจในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero Emission) และการให้ความสำคัญกับการเงินสีเขียว (Green Finance) ซึ่งเป็นการเพิ่มกระแสการเงินจากธนาคาร การให้สินเชื่อ การประกันภัย และการลงทุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนให้ไหลไปสู่กิจกรรมของโลกธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จุดสำคัญอยู่ที่การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ดีขึ้น คว้าโอกาสในการให้ผลตอบแทน และประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน นำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น Green Finance แม้จะเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับโลกที่เดินหน้ามาอย่างยาวนานแล้ว และแสดงให้เห็นว่าโลกการเงินก็สามารถกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยโลกแก้ไขปัญหา Climate Change โดยต้องสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล ตลาดเงิน ตลาดทุน รวมไปถึงภาคเอกชนที่ต้องจับมือสร้างมาตรฐานร่วมกัน ขับเคลื่อนไปสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ให้ได้ในปี 2050 โดยใช้ Green Finance เป็นเครื่องมือสำคัญ(ที่มา : สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (มหาชน))
ทั่วโลกเริ่มมีการหยิบยกคำว่า Taxonomy มาใช้อย่างแพร่หลายในด้าน Green Finance โดย Taxonomy คือการกำหนดนิยามและหมวดหมู่กิจกรรมในภาคเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อช่วยประเมินว่า กิจกรรมใดเข้าข่ายเป็นการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งการมีหลักการและแนวทางที่ชัดเจนจะช่วยให้มีความโปร่งใส ตลอดจนมีมาตรฐานที่สอดคล้องกันทั้งระบบ โดย Taxonomy เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การจัดสรรเงินทุนและมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ รวมทั้งการลงทุนของภาคเอกชน ตอบโจทย์เป้าหมายด้านความยั่งยืนและการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ ได้อย่างตรงจุด สาระสำคัญของ Thailand Taxonomy คือมาตรฐานกลางซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจที่ใช้อ้างอิงในการจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย แบ่งเป็น 3 ระดับได้แก่ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง และต้องเป็นกิจกรรมที่ไม่สร้างผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ และคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคมไปพร้อมกัน (ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) โดยระยะที่ 1 ครอบคลุมภาคพลังงานและการขนส่ง ระยะที่ 2 คาดว่าจะครอบคลุมเศรษฐกิจอื่นๆ ที่มีนัยสำคัญ เช่น ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาคการเกษตร ภาคการก่อสร้าง และภาคการจัดการขยะ
สมาคมยางพาราไทยจะติดตามความคืบหน้า Taxonomy หรือมาตรฐานใดๆ เพื่อความยั่งยืน เพื่อแจ้งสมาชิกสมาคมฯ และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อรับทราบและเตรียมพร้อมรับมือมาตรฐานใหม่ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยางพาราไทย
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล
นายกสมาคมยางพาราไทย