รายงานสถานการณ์ยางธรรมชาติ ประจำเดือนสิงหาคม 2568
เศรษฐกิจโลก
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในเดือนสิงหาคม 2568 เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญแรงกดดัน แต่มีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงการค้าด้านภาษี "Reciprocal Tariff" กับหลายประเทศทำให้อัตราภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ลดลง ซึ่งส่งผลให้การส่งออกสามารถแข่งขันได้มากขึ้น และ IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ขึ้นเล็กน้อย สำหรับเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มชะลอลงจากช่วงครึ่งแรกของปีจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการภาษีสหรัฐฯ จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มระยะใกล้ที่ลดลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่อยู่ในระดับต่ำมีส่วนช่วยบรรเทาไม่ให้ค่าครองชีพของประชาชนและต้นทุนของธุรกิจยิ่งสูงไปกว่านี้ ส่วนสินเชื่อหดตัวต่อเนื่องตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น ด้านการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำจากความเชื่อมั่นและแนวโน้มรายได้ที่ชะลอลง โดยต้องติดตามผลกระทบของการเก็บภาษี transshipment และการแข่งขันกับสินค้านำเข้า อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในระยะถัดไป ซึ่งผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี
สภาพอากาศ
ในเดือนสิงหาคม 2568 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” (KAJIKI) ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ยางพารา
ในเดือนสิงหาคม 2568 สถานการณ์ยางพาราในประเทศไทยราคายังมีความผันผวน ภาพรวมราคาเฉลี่ยลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการค้าโดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน โรคระบาดของยางพารา และสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยราคาเฉลี่ยของเดือนสิงหาคม 2568 ราคาน้ำยางสด (ณ โรงงาน) อยู่ที่ 54.48 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบ 56.16 บาทต่อกิโลกรัม และยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 61.34 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาท้องถิ่นของน้ำยางสด ยางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควันชั้น 3 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า ในเดือนกรกฎาคม 2568 ส่งออกยางพารา 3.59 แสนตัน (+14% MoM) เป็นมูลค่า 2.19 หมื่นล้านบาท (+9% MoM) เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้จัดสรรงบ 2,800 ล้านบาท สำหรับโครงการโค่นต้นยางและปลูกแทนโดยใช้ทุนของเกษตรกรก่อนได้รับการอนุมัติจาก กยท. ไร่ละ 16,000 บาท ซึ่งขณะนี้ กยท. ได้ดำเนินการอนุมัติคำขอฯ แล้ว เป็นพื้นที่สวนยาง จำนวน 302,452.10 ไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ส.ค. 68) คิดเป็น 87.24% ของคำขอฯ เป็นจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท โดยจะจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 กันยายน 2568 และในเดือนกันยายนนี้ กยท. จะเริ่มทดสอบการขนส่งยางก้อนถ้วยล็อตแรกเป็นจำนวน 400 ตัน เพื่อเป็นการนำร่องขนส่งยางไปยังรัฐบาลจีน อีกทั้งยังมีแผนการดำเนินการขนส่งเชิงพาณิชย์เดือนตุลาคม 2568 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2,400 ตัน และส่งอออก 10,000 ตันต่อเดือนในลำดับต่อไปโดยยางพาราที่ส่งออกทั้งหมดจะเสียภาษีนำเข้า0% ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับราคายางพาราไทยและเพิ่มปริมาณการส่งออกและล่าสุดได้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดเขตควบคุมการขนย้ายยาง พ.ศ. 2568 ลงราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 142 ตอนพิเศษ 275ง หน้า 8 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เพื่อป้องกันมิให้การลักลอบนำเข้ายางผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดนอันจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพราคายางในประเทศและส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง สุดท้ายนี้ จากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกและความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ส่งผลต่อตลาดค่อนข้างมาก อีกทั้งยังต้องติดตามการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ว่าจะมีความคืบหน้าและเป็นไปทิศทางใด
ราคาน้ำมันดิบ WTI & Brent
ราคานํ้ามันดิบยังคงถูกกดดัน หลังกลุ่มโอเปคพลัสมีแผนจะเพิ่มกําลังการผลิตนํ้ามันดิบเพิ่มเติมซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศแผนในที่ประชุมกลุ่มโอเปคพลัสวันที่ 7 ก.ย. นี้ โดยการปรับเพิ่มกําลังการผลิตเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ สิ้นสุดสัปดาห์ที่ 26 ส.ค. 68 ปรับตัวลดลงกว่า 0.97 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.7 ล้านบาร์เรล
หมายเหตุ: ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ซึ่งได้นำมารวบรวมและวิเคราะห์ประมวลผล ทั้งนี้ การเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น โดยสมาคมยางพาราไทย จะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดใดที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
|