ตลาดยาง กันยายน 2556
Dow Jones
14,922.50 (+112.2)
S&P 500
1,655.17 (+22.20)
Nikkei 225
13,860.81 (+471.95)
China CSI
2,357.78 (+43.87)
STI 3,048.35
(+19.41)
HSI 22,621.22
(+889.85)
KLCI 1,723.80
(-3.78)
SET 1,336.25
(+41.95)
JSX 4,072.35
(-122.74)
EUR 1.3178
JPY 99.11
Oil (WTI) Oct
13 110.53 (+2.88)
Brent (ICE) Oct
13 116.12 (+2.11)
ราคายางล่วงหน้าในตลาดโตเกียวและเซี่ยงไฮ้ และราคายางในตลาดท้องถิ่นปรับตัวสูงขึ้น
เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าต่อดอลลาร์ ความมั่นใจนักลงทุนสูงขึ้น
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณความแข่งแกร่งอย่างต่อเนื่อง กอปรกับดัชนี PMI
และข้อมูลทางการค้าปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
ศุกร์ที่ 13
กันยายน 2556
Dow Jones
15,376.10 (+453.60)
S&P 500
1,687.99 (+32.82)
Nikkei 225
14,404.67 (+543.86)
China CSI
2,488.90 (+131.12)
STI 3,120.30
(+71.95)
HSI 22,915.28
(+294.06)
KLCI 1,770.80
(+47.0)
SET 1,401.08
(+64.83)
JSX 4,375.54
(+303.19)
EUR 1.3294
JPY 99.38
Oil (WTI) Oct 13 108.21 (-2.32)
Brent (ICE) Nov 13 111.70 (-2.72)
นักลงทุนมีความกังวลต่อวิกฤตการณ์ซีเรีย
ทำให้สภาวะตลาดยางซบเซา ค่าเงินเยนต่อเงินดอลลาร์แกว่งตัวในช่วงสัปดาห์
ทำให้นักลงทุนถือยาว
ราคายางลดลง 3.5 เปอร์เซ็นต์เนื่องจากนักลงทุนถือยาว
จากสาเหตุความตึงเครียดในซีเรีย
ศุกร์ที่ 20
กันยายน 2556
Dow Jones
15451.10 (+75.0)
S&P 500
1709.91 (+21.92)
Nikkei 225
14742.42 (+337.75)
China CSI
3237.53 (+117.23)
STI 3237.53
(+117.23)
HSI 23502.51
(+587.23)
KLCI 1801.83
(+31.03)
SET 1486.76
(+85.68)
JSX 4583.83
(+208.29)
EUR 1.3523
JPY 99.30
Oil (WTI) Nov 13 104.75 (-2.79)
Brent (ICE) Nov 13 109.22 (-2.48)
ตลาดหุ้นทั่วโลกปิดบวก
เงินเยนอ่อนค่าต่อดอลลาร์ ราคาล่วงหน้าน้ำมันดิบและความมั่นใจนักลงทุนสูงขึ้น
การลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเลื่อนออกไป ทำให้ความมั่นใจนักลงทุนกลับคืนมา
และทำให้ราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น อุปทานยางธรรมชาติในไทย มาเลเซีย
และอินโดนีเซียยังคงไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากฝนตกหนัก
ราคายางปรับตัวสูงขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนประกาศแผนซื้อยาง 2
แสนตันเพื่อเก็บสต็อก
ศุกร์ที่ 27
กันยายน 2556
Dow Jones 15258.20
(-192.9)
S&P 500 1691.75
(-18.16)
Nikkei 225
14760.07 (+17.65)
China CSI 2394.97
(-37.54)
STI 3210.18
(-27.35)
HSI 23207.04
(-295.17)
KLCI 1776.16
(-25.67)
SET 1417.49
(-69.27)
JSX 4423.72
(-160.11)
EUR 1.3511
JPY 98.24
Oil (WTI) Nov 13 102.87 (-1.88)
Brent (ICE) Nov 13 108.63 (-0.59)
การหยุดงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐฯ
เริ่มมีผลทันทีที่ปีงบประมาณสิ้นสุดลง ทำให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกปิดลบ
ความกังวลนักลงทุนในเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้ราคายางในตลาดล่วงหน้าและตลาดท้องถิ่นลดลงทั่วเอเชีย
เนื่องจากนักลงทุนในตลาดโตเกียวและเซี่ยงไฮ้ถือยาว เพื่อตัดขาดทุน
ถึงแม้ว่าค่าเงินเยนจะแกว่งตัวก็ตาม นอกจากนี้ สต็อกยางดิบ ณ
ท่าเรือญี่ปุ่นลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
ราคายางลดลง เนื่องจากอุปสงค์จากประเทศจีนลดลง ก่อนช่วงหยุดยาววันชาติจีน
การผลิต
การใช้ การนำเข้า และการส่งออก
IRSG
ปรับลดอุปสงค์ยางของโลกในปีนี้เป็น
3.8 เปอร์เซ็นต์จาก 4 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการบริโภคในยุโรปตกต่ำเป็นอย่างมาก IRSG
คาดการณ์ว่าอุปสงค์ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ของโลกในปีนี้จะอยู่ที่
27 ล้านตัน จากที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนล่วงหน้าที่ 27.7 ล้านตัน
คาดว่าอุปสงค์จากประเทศจีนในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 9.5 ล้านตันจาก 8.9 ล้านตันในปี
2555
ในเดือนสิงหาคม
อินเดียนำเข้ายางธรรมชาติเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัวจากปีก่อน เป็น 40,809
ตัน เนื่องจากการผลิตในประเทศลดลงจากสาเหตุฝนตกหนัก ทำให้ผู้ผลิตยางล้อในอินเดียเพิ่มการนำเข้าจากต่างประเทศ
การผลิตยางธรรมชาติในอินเดียในเดือนสิงหาคมลดลง 5.5 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 69,000
ตัน ในขณะที่การใช้ยางลดลง 4 เปอร์เซ็นต์เป็น 80,000 ตัน
สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติรายงานว่า ผลผลิตยางธรรมชาติของอินเดียในปีนี้จะลดลงเป็น
868,000 ตัน ในขณะที่ผลผลิตของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นเป็น 950,000 ตันในปีนี้
ทำให้เวียดนามขยับขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก
มาเลเซียจะนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 880,000 ตัน จาก 750,000 ตันในปีก่อน อินเดียจะนำเข้าเพิ่มขึ้น
4.3 เปอร์เซ็นต์เป็น 193,000 ตัน จีนจะนำเข้า 3.59 ล้านตันในปีนี้ และใช้ยาง 4.18
ล้านตัน
สำนักงานสถิติแห่งชาติ
เวียดนาม รายงานว่าเวียดนามส่งออกยาง 13 ล้านตันในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น
6.6 เปอร์เซ็นต์ mom มีมูลค่า 283 ล้านดอลลาร์ โดยรวมแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม
เวียดนามส่งออกทั้งสิ้น 637,000 ตัน มีมูลค่า 1.521 พันล้านดอลลาร์
กรมศุลกากรจีนรายงานว่า
จีนนำเข้ายางธรรมชาติ 170,000 ตันในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 13.3 เปอร์เซ็นต์ mom
มีมูลค่า
405 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.3 เปอร์เซ็นต์ mom โดยรวมแล้ว ในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้
จีนนำเข้ายางธรรมชาติทั้งสิ้น 1.49 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.5 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่า
4.071 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 11.1 เปอร์เซ็นต์
ยางล้อ
Kumho
Tire มีแผนลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ในการสร้างโรงงาน ณ นิคมอุตสาหกรรม Sofkee
เมือง
Macon ประเทศจอร์เจีย
เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์และผู้บริโภคในสหรัฐฯ
Hankook
Tire จัดพิธีเปิด ณ โรงงานแห่งที่เจ็ด ในชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย
วันที่ 17 กันยายน 2556
โรงงานดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดอเมริกาเหนือและตะวันออกกลาง
และตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ด้วยกำลังการผลิตยางล้อ 6 ล้านหน่วยต่อปี
ซึ่งใช้ในประเทศอินโดนีเซีย 30 เปอร์เซ็นต์ และส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์
Tokai
Rubber Industries รายงานว่า รายได้สุทธิในช่วง 12 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม
2556 ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ เป็น 3 พันล้านเยน ถึงแม้ว่ายอดขายในช่วงดังกล่าวเติบโต
4.6 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 264 พันล้านเยน กำไรดำเนินการลดลง 28 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 9.24
พันล้านเยน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอย ทำให้อุปสงค์ลดลง
กอปรกับการอ่อนค่าของเงินเยนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในเดือนกรกฎาคม
ตลาดยางล้อ OE ในยุโรปเติบโต 4 เปอร์เซ็นต์
ในอเมริกาเหนือเติบโต 1 เปอร์เซ็นต์ และในจีนเติบโต 1 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยอดขายยางล้อทดแทนในตลาดจีนเพิ่มขึ้น
11 เปอร์เซ็นต์ ในบราซิล ยางล้อทดแทนเติบโต 16 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยางล้อ OE เติบโต 3
เปอร์เซ็นต์ โดยรวมแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม ยอดขายยางล้อ OE และยางล้อทดแทนในยุโรปลดลง
2 เปอร์เซ็นต์ และ 1 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ในอเมริกาเหนือ เติบโต 4 เปอร์เซ็นต์ และ
1 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ยางล้อ OE ในตลาดจีนและบราซิลรวมกันเติบโต 12 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่ยางล้อทดแทนในจีนเติบโต 9 เปอร์เซ็นต์ และในบราซิลเติบโต 13 เปอร์เซ็นต์
ยานยนต์
ในเดือนสิงหาคม
การลงทะเบียนซื้อรถยนต์ใหม่ในสหภาพยุโรปลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 653,872
คัน โดยรวมแล้ว ในช่วง 8 เดือนแรกของปี อุปสงค์รถยนต์ใหม่อยู่ที่ 7,841,596 คัน
หรือลดลง 5.2 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็นตัวเลข 8 เดือนแรกที่ต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา สหราชอาณาจักรเป็นเพียงตลาดเดียวที่ขยายตัว (10.9 เปอร์เซ็นต์)
ในสหรัฐฯ
ยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 16.1 ล้านคันในปีหน้า
ซึ่งมากกว่าจำนวนยานพาหนะที่ผู้ผลิตกำลังจะขายในปีนี้อยู่ 5 แสนคัน ยอดขายโดยรวมของปีนี้จะเกิน
16 ล้านคันเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
นักวิเคราะห์คาดว่าความต้องการซื้อรถในปีหน้าจะมีมากเท่าระดับเดียวกับปี 2550
ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติการณ์
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีนรายงานว่า
การผลิตยานพาหนะของจีนไต่ระดับเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1.35 ล้านคันในเดือนสิงหาคม
เป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2556
เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 1-2/2556 สมาคมฯ
คาดว่ายอดขายยานพาหนะรวมทั้งสิ้นในปีนี้จะแตะระดับเกิน 20 ล้านคันเป็นครั้งแรก
โดยรวมแล้ว ในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ ยอดขายยานพาหนะในประเทศจีนอยู่ที่ 13.9 ล้านคัน
และมีโอกาสสูงที่จะเป็นไปตามการคาดการณ์ของสมาคมฯ
|