ในเดือนมิถุนายนราคายางมีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆในทิศทางเดียวกันกับตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ โดยราคาเฉลี่ยยางแผ่นรมควันชั้น 3 ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา เดือนมิถุนายน 2563 อยู่ที่กิโลกรัมละ 42.93 เพิ่มขึ้น (+7.65%) จาก 39.88 บาท/กิโลกรัมในเดือนพฤษภาคม 2563 

ในช่วงเดือนมิถุนายน ปริมาณยางออกสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากเริ่มเปิดกรีดยาง อุปสงค์ถุงมือยางเพิ่มขึ้นจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้บริษัทผู้ผลิตมีคำสั่งซื้อถึงกลางปี 2564 โดยกำลังการผลิตของถุงมือยางสูงถึงราว 33,000 ล้านชิ้นต่อปี รวมถึงถุงยางอนามัยได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันจนเกิดภาวะขาดแคลนทั่วโลกถึง 100 ล้านชิ้น ในขณะเดียวกันทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำอีกหนึ่งโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราของภาครัฐตามนโยบายรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง อุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐ ระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้จะเป็นการซื้อน้ำยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางผ่านสหกรณ์การเกษตร เพื่อร่วมมือในการนำอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา แผ่นธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต (Rubber Fender Barrier : RFB) และหลักนำทางจากยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) สำหรับนำไปใช้ประโยชน์เป็นอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยในหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางถนน และส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2563 ถึง 11 มิถุนายน 2568 การดำเนินการร่วมกันในครั้งนี้จะสามารถสร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรชาวสวนยางพาราได้อีกทางหนึ่ง

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบอนุมัติเงินเยียวยาเกษตรกรกลุ่มที่ด้อยโอกาสเนื่องจากเข้าไม่ถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร จำนวนกว่า 1.37 แสนราย ซึ่งยังไม่เคยได้รับสิทธิ์เยียวยาจากรัฐบาลมาก่อน โดยในจำนวนนี้เป็นเกษตรกรชาวสวนยางซึ่งแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท. จำนวน 67,000 ราย จะได้รับเงินเยียวยาเกษตรกร รายละ 15,000 บาท และทางกยท. ได้เปิดตัวนวัตกรรมหมวกยางพารากันฝน นำร่อง ติดต้นยางทั่วพื้นที่กว่า 30 ไร่ ณ ศูนย์เรียนรู้เกษตรนวัต อ.วังจันทร์ จ.ระยอง หวังต่อยอดทุกพื้นที่ในประเทศ มุ่งเพิ่มผลผลิต และรายได้ชาวสวนยาง ควบคู่กับการใช้ยางในประเทศ

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2563 นี้ ยังคงประเมินว่ามีแนวโน้มหดตัวแรงตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนได้รับผลกระทบมากจากเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงานที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก 

แม้การระบาดของ COVID-19 ในประเทศมีทิศทางดีขึ้น รัฐบาลจึงได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการควบคุมการระบาดโรค ทำให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจเริ่มทยอยกลับมาทำงาน แต่ก็ยังคงประสบปัญหาสภาพคล่อง อย่างไรก็ดี เห็นควรให้มีนโยบายด้านอุปทานเพื่อสนับสนุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการทางธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการเพื่อให้สอดคล้องกับยุคหรือบริบทใหม่ (New Normal) อีกทั้งช่วยรักษาศักยภาพการเติบโตและการขยายตัวต่อไป สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563 คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.50 ต่อปี สรุปโดยภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย ในเดือนพฤษภาคม 2563 ส่งออกมูลค่า 524,584.12 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2562 ร้อยละ 20.91 และลดลงจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาร้อยละ 14.56 เมื่อคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ มีมูลค่า 16,278.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2562 ร้อยละ 22.50 และลดลงจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ร้อยละ 14.09 ในช่วงมกราคม – พฤษภาคม ปี 2563 ส่งออกมูลค่า 3,041,719.91 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 5.18 และเมื่อคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ ส่งออกมูลค่า 97,898.68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.71...(อ้างอิง: กระทรวงพาณิชย์)

สำหรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 49.8 (+25.12%) ในเดือนมิถุนายน 2563 จากระดับ 39.8 ในเดือนพฤษภาคม 2563 และดัชนี PMI สำหรับภาคการผลิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 41.6 ในเดือนพฤษภาคม 2563 มาอยู่ที่ 43.5 ในเดือนมิถุนายน 2563

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ยังคงผันผวน โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์อยู่ที่ระดับ 39.27 และ 41.15 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งตลาดอยู่ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของ COVID-19 หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อCOVID-19 โดยเฉพาะทวีปอเมริกาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

ทางสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 มิ.ย. 63 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 540 ล้านบาร์เรล ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง Gulf Coast แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในเดือนพฤษภาคม 2563 ไทยส่งออกยางธรรมชาติ 334,505.94 ตัน ลดลง 4.92 เปอร์เซ็นต์จากเดือนเมษายน 2563 ลดลง 5.42 เปอร์เซ็นต์ yoy สร้างมูลค่าการส่งออก 1.36 หมื่นล้านบาท ลดลง 9.56 เปอร์เซ็นต์จากเดือนเมษายน 2563 ลดลง 15.15 เปอร์เซ็นต์ yoy

สำหรับภาคยางล้อ ในเดือนพฤษภาคม 2563 ไทยส่งออกยางล้อรวมทั้งสิ้น 7.34 ล้านเส้น ลดลง 37.03 เปอร์เซ็นต์ yoy สร้างมูลค่าการส่งออก 8.76 พันล้านบาท ลดลง 44.18 เปอร์เซ็นต์ yoy รถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม 2563 มีทั้งสิ้น 56,035 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2562 ร้อยละ 69.1 จากการผลิตเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 61.93 และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงร้อยละ 76.89 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2563 ร้อยละ 126.76 เนื่องจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ส่วนใหญ่กลับมาเปิดทำการ และโรงงานเริ่มเปิดสายการผลิตรถยนต์ ส่วนจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 534,428 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2562 ร้อยละ 40.16