ตลาดยาง ตุลาคม 2556

 v  ศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2556

Dow Jones 15072.60 (-185.60)

S&P 500 1690.50 (-1.25)

Nikkei 225 14024.31 (-735.76)

China CSI 2409.04 (+14.07)

STI 3138.03 (-72.15)

HSI 23138.54 (-68.50)

KLCI 1776.56 (+0.40)

SET 1427.72 (+10.23)

JSX 4389.35 (-34.37)

EUR 1.3558

JPY 97.48

CNY 6.1240

Oil (WTI) Nov 13 103.84 (+0.97)

Brent (ICE) Nov 13 109.46 (+0.83)

รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปิดกิจการชั่วคราว (shutdown) ในวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2556 ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปิดลบ เงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเงินเยน ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ราคายางล่วงหน้าในตลาดเอเชียลดลงด้วยเช่นกัน

v  ศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2556

Dow Jones 15237.10 (+164.50)

S&P 500 1703.20 (+12.70)

Nikkei 225 14404.74 (+380.43)

China CSI 2468.51 (+59.47)

STI 3179.71 (+41.68)

HSI 23218.32 (+79.78)

KLCI 1785.75 (+9.19)

SET 1457.78 (+30.06)

JSX 4519.91 (+130.56)

EUR 1.3545

JPY 98.57

CNY 6.1204

Oil (WTI) Nov 13 102.02 (-1.82)

Brent (ICE) Nov 13 111.28 (+1.82)

นักลงทุนในตลาดล่วงหน้าแถบเอเชียเก็งกำไร จากการที่มีข่าวออกมาว่าจีนจะซื้อยาง 2 แสนตันเพื่อเก็บสต็อก กอปรกับมีการซื้อยางอย่างคึกคักหลังช่วงหยุดยาววันชาติจีน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความกังวลต่อการปิดกิจการชั่วคราว (shutdown) และเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นและราคายางล่วงหน้าแกว่งตัวพอสมควร

v  ศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2556

Dow Jones 15399.70 (+162.60)

S&P 500 1744.50 (+41.30)

Nikkei 225 14561.54 (+156.80)

China CSI 2426.05 (-42.46)

STI 3192.90 (+13.19)

HSI 23340.10 (+121.78)

KLCI 1799.59 (+13.84)

SET 1484.72 (+26.94)

JSX 4546.57 (+26.66)

EUR 1.3684

JPY 97.72

CNY 6.0966

Oil (WTI) Nov 13 100.81 (-1.21)

Brent (ICE) Dec 13 109.94 (-0.48)

ราคายางในตลาดเอเชียปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น หลังจากมีการตกลงผ่าทางตันการคลังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ราคายางพลิกลงจากทิศทางบวก เนื่องจากเงินเยนแข็งค่าต่อดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าลดลง

v  ศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2556

Dow Jones 15570.28 (+170.58)

S&P 500 1759.77 (+15.27)

Nikkei 225 14088.19 (-473.55)

China CSI 2368.56 (-57.49)

STI 3205.24 (+122.34)

HSI 22698.34 (-641.76)

KLCI 1817.57 (+17.98)

SET 1454.88 (-29.84)

JSX 4580.85 (+34.28)

JPY 97.41

CNY 6.0838

Oil (WTI) Dec 13 97.85 (-3.26)

Brent (ICE) Dec 13 106.93 (-3.01)

ราคายางลดลงในช่วงสัปดาห์ เนื่องจากการซื้อยางชะลอตัวพอสมควรในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ซื้อยางล้อต่างรอดูสถานการณ์ ในขณะที่อุปสงค์จากจีนซบเซา นักลงทุนมีความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว หลังจากการปิดกิจการชั่วคราว (shutdown) บางส่วนของรัฐบาลสหรัฐฯ และราคาน้ำมันลดลง

การผลิต การใช้ การนำเข้า และการส่งออก

IRSG คาดการณ์ว่าผลผลิตยางธรรมชาติของโลกในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นจาก 11.7 ล้านตันในปีนี้ เนื่องจากยางพาราที่เพาะปลูกในช่วงปี 2549-2551 สามารถเริ่มกรีดได้แล้ว อุปสงค์ยางธรรมชาติของโลกจะเติบโต 3 เปอร์เซ็นต์เป็น 11.3 ล้านตันในปีนี้ และอุปสงค์ยางธรรมชาติในอุตสาหกรรมยางล้อจะเติบโต 5.3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ โดยจะมีการปรับเปลี่ยนตัวเลขใหม่ หลังจากที่ IMF ปรับลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

LMC คาดการณ์ว่าการใช้ยางของโลกจะเติบโต 3.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในช่วงปีนี้จนถึงปี 2561 เนื่องจากอุปสงค์การใช้ยางในภาคยางล้อทดแทนมีมากขึ้น ผลผลิตยางล้อรถบรรทุกขนาดเล็ก และรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ของจีนจะคิดเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ และ 52 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตทั้งโลก จาก 23 เปอร์เซ็นต์และ 43 เปอร์เซ็นต์ในปี 2553 ตามลำดับ ยอดขายยานยนต์ของโลกจะเพิ่มขึ้น 2.9 เปอร์เซ็นต์ เป็น 83.5 ล้านคันในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นอีก 5.4 เปอร์เซ็นต์ เป็น 88 ล้านคันในปีหน้า

ในเดือนตุลาคม จีนซื้อยางแผ่นรมควันจำนวน 54,000 ตัน จากผู้ค้ายางในประเทศเพื่อเก็บไว้ในสต็อกของรัฐบาล และกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักงานสินค้าคงคลัง ประเทศจีน ร่วมมือกับ Sinochem International, China Hainan Rubber และ Yunnan State Farms Group เพื่อซื้อยาง 150,000 ตัน

คณะกรรมการยางอินเดียรายงานว่า ในเดือนกันยายน อินเดียนำเข้ายางธรรมชาติมากขึ้นกว่าสามเท่าจากปีก่อน เป็น 46,581 ตัน เนื่องจากราคายางในตลาดต่างประเทศต่ำกว่าราวๆ 8-10 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน 2556 อินเดียนำเข้ายางธรรมชาติเพิ่มขึ้น 59 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 179,292 ตัน ในขณะที่การผลิตยางในประเทศลดลง 13 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 343,000 ตัน เนื่องจากมีฝนตกหนักในรัฐ Kerala ซึ่งเป็นแหล่งปลูกยางหลักของประเทศ

GMG Global บริษัทเพาะปลูกยางพาราของสิงคโปร์ รายงานว่าผลผลิตยางในไตรมาส 3/2556 ลดลง 4 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 78,732 ตัน กำไรสุทธิลดลง 87 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1.1 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคายางลดลง รายได้ในไตรมาส 3/2556 ลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ yoy อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2556 ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์เป็น 215,181 ตัน กำไรลดลง 56 เปอร์เซ็นต์ yoy

ยางล้อ

Cheng Shin Rubber Industry Co Ltd., JK Tyre,  Apollo Tyres และ Shandong Group มีแผนลงทุนสร้างโรงงานในอินโดนีเซีย โดยได้ลงทุน 1.28 พันล้านดอลลาร์ร่วมกัน  สมาคมผู้ผลิตยางล้ออินโดนีเซีย คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในอินโดนีเซียในปีนี้ จะแตะระดับ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ yoy

มิเชอลินรายงานว่า รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2556 ลดลง 5.8 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 5.12 พันล้านยูโร จาก 5.44 พันล้านยูโรในปีก่อน และคาดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐและแคนาดาที่อ่อนค่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรโดยรวมในปีนี้ โดยต้นทุนการผลิตเป็นเงินยูโร ในขณะที่ยอดขายส่วนใหญ่เป็นเงินดอลลาร์

บริจสโตนมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตยางเรเดียลสำหรับยางล้อรถยนต์ ณ โรงงานในเมือง Wuxi ประเทศจีน โดยเพิ่มกำลังการผลิต 31 เปอร์เซ็นต์หรือ 22,600 หน่วยต่อวัน ด้วยเงินลงทุน 140 ล้านดอลลาร์ในเวลา 3 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการยางล้อรถยนต์ในประเทศจีน

เมื่อเร็วๆ นี้ โตโยไทร์ได้เปิดดำเนินการโรงงานยางล้อแห่งใหม่ในมาเลเซีย มีกำลังการผลิต 2.5 ล้านหน่วยต่อปีในช่วงปลายปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านหน่วยในปี 2558 เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดซาอุดิอาระเบียในภูมิภาคอาเซียน

คาดว่าตลาดยางล้อในออสเตรเลียจะเติบโตในอัตรา 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการกีดกันทางการค้าน้อยลง และนักลงทุนต่างชาติสามารถดำเนินธุรกรรมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รัฐบาลออสเตรเลียมีนโยบายพักภาษีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2556

ยานยนต์

ในเดือนกันยายน ยอดขายรถยนต์ในรัสเซียลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 246,895 คัน โดยรวมแล้ว ในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2556 ยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กใหม่ลดลง 7 เปอร์เซ็นต์

ในอินเดีย ยอดขายรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (เมษายน – กันยายน) เป็นตัวเลขที่ลดลงต่ำสุด นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2545-2546 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันสูง ทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง โดยเฉพาะยอดขายรถบรรทุกได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว

ในเดือนกันยายน อุปสงค์รถยนต์ใหม่ในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 5.4 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 1,159,066 คัน โดยรวมแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2556 การลงทะเบียนซื้อรถยนต์ใหม่ในสหภาพยุโรปลดลง 3.9 เปอร์เซ็นต์ yoy เป็น 9,000,629 คัน โดยสหราชอาณาจักรเป็นเพียงตลาดเดียวที่มีการขยายตัว (+10.8 เปอร์เซ็นต์)

การลงทะเบียนซื้อรถยนต์ใหม่ในยุโรปตะวันตกเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1.13 ล้านหน่วยในเดือนกันยายน แสดงให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวเล็กน้อย สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจและการบริโภคในภูมิภาคปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น การสิ้นสุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในแถบยูโรโซนในไตรมาส 2/2556 เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขายเติบโต LMC คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในยุโรปตะวันตกในปีนี้จะลดลง 3 เปอร์เซ็นต์ เป็น 11.44 ล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ เป็น 11.56 ล้านคันในปี 2557

Edmunds คาดการณ์ว่าอุปสงค์คงค้างในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยผลักดันยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ให้ขยับตัวแตะระดับ 16.4 ล้านคันในปีหน้า จาก 15.5 ล้านคันในปีนี้ เนื่องจากอายุการใช้งานของรถยนต์มากขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 11.4 ปี