อินโดนีเซียและมาเลเซีย
เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยในภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 2561
มาเลเซียเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญต่อไทยเป็นลำดับที่ 1 ในอาเซียน
รองลงมาคือเวียดนาม และอินโดนีเซียตามลำดับ
การค้าระหว่างไทยและมาเลเซียมีมูลค่ารวม 24,885 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับมาเลเซียมูลค่า 1,595 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ส่วนการค้าระหว่างไทยและอินโดนีเซียมีมูลค่ารวม 18,202 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยไทยได้เปรียบดุลการค้ากับอินโดนีเซียมูลค่า 2,295 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
(ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร) และมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่สูง
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของอินโดนีเซียยังคงขยายตัวในอัตราที่สูง
โดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization
for Economic Co-operation and Development: OECD) คาดการณ์ว่า GDP
ของอินโดนีเซียจะขยายตัวกว่าร้อยละ 5 ในปี 2562-2563
ทำให้ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศในตลาดอินโดนีเซียเพิ่มสูงขึ้น
รวมถึงความต้องการสินค้าจากไทย
ในปี
2535 ประเทศมาเลเซียได้เสนอแนวทางพัฒนาความร่วมมือสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย
(IMT-GT Indonesia Malaysia Thailand Growth Triangle) ต่อมาในปี 2536 ผู้นำของทั้ง 3
ประเทศ ได้เห็นชอบในหลักการ และร่วมกันร่างข้อเสนอจัดตั้งกรอบความร่วมมือนี้
โดยเป็นการรวมกลุ่มกันระหว่างพื้นที่บางส่วนของทั้ง 3
ประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกันหรือใกล้เคียง และในปี 2560
คณะรัฐมนตรีไทยได้ให้การรับรองวิสัยทัศน์ระยะ 20 ปี ของแผนงาน IMT-GT
(IMT-GT Vision 2036) และแผนดำเนินงานระยะห้าปีฉบับใหม่แผนที่ 3 ปี
2560-2564 ซึ่งจะนำไปสู่การบูรณาการ การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำ
และการเติบโตอย่างยั่งยืนภายในปี 2579
ความร่วมมือสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย
มีการกำหนดสาขาการพัฒนา 7 ด้าน โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักได้แก่ 1. กลุ่มการพัฒนานำ
ได้แก่ เกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล 2.
กลุ่มปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การคมนาคมขนส่งและเทคโนโลยีสารสนเทศ/การสื่อสาร
การค้าและการลงทุน สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา และวัฒนธรรม
ซึ่งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรนอกจากจะเป็นสาขาที่สำคัญในกรอบ IMT-GT แล้ว ยังเป็นส่วนหลักในการสร้างรายได้และความเติบโตให้กับประเทศ
โดยปาล์มน้ำมัน และยางพารา เป็นพืชเศรษฐกิจหลักในพื้นที่ภาคใต้ภายใต้กรอบ IMT-GT
IMT-GT มีกิจกรรมการประชุมอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงาน NCIA (Northern
Corridor Implementation Authority) ของประเทศมาเลเซียร่วมกับศูนย์ประสานงานความร่วมมือแผนงานอนุภาค
IMT-GT (CIMT) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง
การพัฒนาเมืองยางในกลุ่มประเทศสมาชิก IMT-GT เมื่อวันที่ 23
พฤษภาคม 2562 ณ โรงแรม The Everly เมืองปุตราจายา
ประเทศมาเลเซีย โดย IMT-GT ได้ให้เกียรติเชิญนายศุภเดช
อ่องสกุล รองเลขาธิการสมาคมยางพาราไทย
ร่วมเป็นวิทยากรในหัวข้อความร่วมมือจากภาคธุรกิจภายใต้กรอบ IMT-GT โดยมีนางสาวปิยภรณ์ แซ่ลิ่ม ผู้จัดการสมาคมฯ เข้าร่วมประชุม
มีประเด็นหารือสำคัญคือ
การสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางในกลุ่มประเทศสมาชิก IMT-GT
การประชุมครั้งล่าสุด
คือการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 12 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย
อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth
Triangle: IMT-GT) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562 ณ โรงแรม ดิ
แอทธินี โฮเทล แบงค็อก อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพมหานคร
โดยมีผู้นำประเทศเข้าร่วมการประชุมสำคัญได้แก่ นายโจโก วิโดโด
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และ ตุน ดร. มหาเธร์ โมฮัมหมัด
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมด้วยรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT ของสามประเทศ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีแผนงาน
IMT-GT ของไทย ดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ๊อก ฮอย
เลขาธิการอาเซียนและ นายทาเคฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 1. การประเมินผลความก้าวหน้าของแผนงาน
IMT-GT บนพื้นฐานของการลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง 2.
การพัฒนาความเชื่อมโยงโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
และสอดรับกับทิศทางนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน 3.
การยกระดับห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ยาง ปาล์มน้ำมัน ประมงแปรรูป
และผลิตภัณฑ์ฮาลาล โดยมุ่งเน้นให้เกิดการวิจัย พัฒนา
และใช้นวัตกรรมร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วนเพื่อสร้างอุปสงค์ต่อผลผลิตทางการเกษตรในอนุภูมิภาคทั้งในขั้นตอนการแปรรูปต้นน้ำ
กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวและสร้างงานเพิ่มขึ้น
เป็นผลให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจในพื้นที่ 4.
การต่อยอดการพัฒนาเมืองสีเขียวสู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในหลายมิติ
โดยเร่งรัดการดำเนินการให้เร็วกว่าเป้าหมายและหยิบยกประเด็นความร่วมมือในเรื่องที่เร่งด่วน
5. การเสริมสร้างบทบาทของมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด (CMGF) ในการสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัย IMT-GT (UNINET) สภาธุรกิจ IMT-GT และภาคประชาสังคม
เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน แผนงาน IMT-GT
จากข้อมูลดังกล่าว
ประมวลได้ว่าความร่วมมือสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย
มีความสำคัญในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่าง 3 ประเทศ
เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระดับโลก สมาคมฯ
คาดหวังว่าความร่วมมือสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย จะก่อให้เกิดประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ให้กับประเทศไทยโดยภาพรวม