history history
 
   
iconความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) [   มกราคม  2565 ]

 

ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) เป็นความตกลงร่วมกันของอาเซียนกับออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และนิวซีแลนด์ ให้กว้างและลึกขึ้น โดยทุกประเทศรวมกันมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม(GDP) ประมาณ 30 % ของ GDP โลก และมีประชากรรวมกันถึง 2,252 ล้านคน คิดเป็น 30 % ของประชากรโลก ความตกลงอาร์เซ็ปมีคุณสมบัติสำคัญ 4 ประการคือ 1) มีความทันสมัย โดยมีการปรับปรุงขอบเขตของความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจาที่มีอยู่แล้ว(อาเซียน+1) กับ 5 ประเทศ และคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงและรูปแบบการค้าตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น 2) มีความครอบคลุม ทั้งในส่วนของขอบเขตและความลึกของข้อผูกพัน โดยมีบทบัญญัติพิเศษที่ครอบคลุมการค้าสินค้า บริการ รวมถึงกฎระเบียบ และประเด็นด้านกฎหมาย  นอกจากนี้ความตกลงอาร์เซ็ปบรรลุการเปิดเสรีการค้าสินค้าและบริการ และการลงทุน 3)มีคุณภาพสูง โดยความตกลงอาร์เซ็ปประกอบด้วยบทบัญญัติที่เกินกว่าความตกลงอาเซียน+1 ที่มีอยู่  และตระหนักถึงระดับการพัฒนาและความต้องการทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันของภาคีแต่ละประเทศ และ 4)ได้รับประโยชน์ร่วมกัน ด้วยความตกลงอาร์เซ็ปเป็นการรวมประเทศที่มีความแตกต่างกันในระดับของการพัฒนา และได้รับการออกแบบให้เหมาะสมและยืดหยุ่นแก่ประเทศภาคีสมาชิกอาร์เซ็ป  

ความตกลงอาร์เซ็ปจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้เกิดการขยายตัวทางการค้าการลงทุนภายในภูมิภาค รวมถึงสร้างความเติบโตและพัฒนาสู่เศรษฐกิจโลก และนำไปสู่โอกาสในการเข้าสู่ตลาดและการจ้างงานของภาคธุรกิจและประชาชนในภูมิภาค โดยความตกลงอาร์เซ็ปจะดำเนินงานควบคู่และสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง ครอบคลุม และเป็นไปตามกติกา โดยมีสาระสำคัญ 20 บทคือ 1)บทบัญญัติเบื้องต้นและคำนิยามทั่วไป 2)การค้าสินค้า 3)กฎถิ่นกำเนิดสินค้า 4)พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 5)มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 6) มาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง 7)การเยียวยาทางการค้า 8)การค้าบริการ 9)การเคลื่อนย้ายชั่วคราวของบุคคลธรรมดา 10)การลงทุน 11)บททรัพย์สินทางปัญญา 12)พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 13)การแข่งขันทางการค้า 14)วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 15)ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ 16)การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 17)บทบัญญัติทั่วไปและข้อยกเว้น 18)บทบัญญัติเกี่ยวกับสถาบัน 19)บทการระงับข้อพิพาท และ 20)บทบัญญัติสุดท้าย 

ความตกลงอาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 หลังมีจำนวนประเทศสมาชิกให้สัตยาบันครบตามกติกา โดยไทยจะได้รับประโยชน์จากความตกลงอาร์เซ็ป อาทิ สมาชิกอาร์เซ็ป ยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย จำนวน 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที จำนวน 29,891 รายการ ในส่วนของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะลดและยกเลิกภาษีศุลกากรกับสินค้าที่ส่งออกจากไทย เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ในสินค้า เช่น ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ ยางสังเคราะห์และผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เป็นต้น  และการขยายโอกาสในธุรกิจบริการของไทยสู่ประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป เช่น การก่อสร้าง ค้าปลีก สุขภาพ ภาพยนตร์และบันเทิง เป็นต้น  อย่างไรก็ตาม สินค้ายางพาราแปรรูปขั้นต้นยังคงไม่ได้รับการพิจารณาลดภาษีในการส่งออกไปยังจีนภายใต้ข้อตกลงอาร์เซ็ป  เนื่องจากยางพาราเป็นกลุ่มสินค้าอ่อนไหว(Sensitive list) 

จากข้อมูลดังกล่าว ประมวลได้ว่าความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซ็ป)จะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกอาร์เซ็ป  และจะเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีมูลค่ามหาศาล  คาดว่าจะก่อให้เกิดผลประโยชน์เชิงยุทธ์ศาสตร์ให้กับสังคมยางและประเทศไทยโดยภาพรวมเช่นเดียวกัน


นายไชยยศ  สินเจริญกุล
นายกสมาคมยางพาราไทย

Signature
นายไชยยศ สินเจริญกุล
นายกสมาคมยางพาราไทย

 

 
 
สาส์นจากนายกทั้งหมด